ถอดบทเรียนช้างศึกหนุ่ม เพื่อเตรียมสู่โอลิมปิก2028

ถอดบทเรียนช้างศึกหนุ่ม เพื่อเตรียมสู่โอลิมปิก2028

เปิดฉากอย่างเร้าใจ แต่สุดท้าย “ช้างศึกหนุ่ม” ทีมฟุตบอลชาย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี จบลงด้วยความผิดหวังเพราะไม่สามารถคว้าตั๋วไปโอลิมปิกเกมส์ได้

ทั้งๆ ที่สามารถเอาชนะ อิรัก ในเกมนัดแรกของศึกชิงแชมป์เอเชียได้ ทำให้แฟนบอลมีความหวังว่าอย่างน้อยน่าจะผ่านรอบแรก แต่พอเข้าสู่นัดที่ 2 ทองมันก็เริ่มลอกออกมา เพราะอย่างที่รู้กันว่านักเตะชุดนี้ไม่ใช่ตัวหลักของทีมเลยแม้แต่คนเดียว จึงโดนซาอุดีอาระเบียถล่มถึง 5 ประตู ก่อนจะมาแพ้ทาจิกิสถาน ในนัดสุดท้าย จบบ๊วยกลุ่มอย่างน่าเจ็บใจ ทั้งๆ ที่จากชัยชนะนัดแรกทำให้มีโอกาสลุ้นเข้ารอบได้อยู่

กลายเป็นที่เปิดฉากอย่างเร้าใจ พังทลายไม่มีชิ้นดี ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ของแฟนบอลไทยถ้วนหน้า

เป้าหลักก็คงหนีไม่พ้น “โค้ชหระ” อิสสระ ศรีทะโร ที่เรียกว่าผลงานไม่เป็นไปตามเป้าหมายอีกครั้ง แม้ว่าจบนัดแรกจะได้รับคำชมค่อนข้างมากก็ตาม เพราะสามารถเข็นผู้เล่นชุด 3 ของรุ่นนี้ เอาชนะอิรักมาได้

อย่างไรก็ตามคนที่ควรโดนตำหนิไม่ใช่แค่โค้ชหระ หรือนักเตะ เพราะทุกคนต้องอย่าลืมว่าความหวังโอลิมปิกเกมส์ของทีมชุดนี้ มันหมดไปตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่อง เพราะนักเตะที่ได้ไปส่วนใหญ่ไม่เป็นตัวสำรองในทีมไทยลีก 1 ก็เป็นนักเตะที่เล่นในไทยลีก 2 ทั้งนั้น

เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปที่การจัดการของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และบริษัท ไทยลีก จำกัด ที่ไม่สามารถจัดโปรแกรมให้กับทัวร์นาเมนต์ที่มีความสำคัญที่สุดของรุ่นนี้ ทั้งๆ ที่มีการเตรียมตัวมาอย่างยาวนานเกือบ 2 ปีเต็ม

ว่าแล้วมันก็เป็นเรื่องน่าตลก สำหรับการจัดลำดับความสำคัญของผู้ใหญ่ในวงการลูกหนังไทย กับฟุตบอลระดับภูมิภาคอย่างซีเกมส์ ให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก หยุดลีกบ้าง เลื่อนโปรแกรมบ้าง เพื่อให้ได้ชุดที่ดีที่สุดด้วยเป้าหมายคือต้องเหรียญทองเท่านั้น เพราะไม่งั้นจะเป็นการเสียหน้าเนื่องจากไม่ได้เป็นเบอร์ 1 อาเซียน

แต่กลับกัน เมื่อเป็นฟุตบอลระดับทวีปอย่าง เอเชี่ยนเกมส์ หรือรายการนี้ที่จะคัดตัวแทนไปโอลิมปิกเกมส์ กีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติ กลับต้องใช้ชุดจำกัดจำเขี่ย ไม่มีการจัดโปรแกรมฟุตบอลในประเทศให้เอื้อต่อการได้ชุดที่ดีที่สุดไป

ก็แอบสงสัยว่าในซีเกมส์ 2025 ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพ จะมีการวางโปรแกรมหลีกทางหรือไม่ เพราะรายการนี้สำคัญที่สุดสำหรับคนไทยอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตามเมื่อทัวร์นาเมนต์นี้มันจบไปแล้ว สิ่งที่เราทำได้คือการมูฟออน และสิ่งที่ต้องทำเลยคือการวางรากฐานสู่การเตรียมล่าตั๋วโอลิมปิกเกมส์ ในอีก 4 ปีข้างหน้า ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาแทน

เบื้องต้นคือทีมที่จะไปโอลิมปิกเกมส์ครั้งหน้า จะต้องเป็นนักเตะที่เกิดในปี พ.ศ.2548 (2005) หรือปัจจุบันอายุไม่เกิน 19 ปี ซึ่งปัจจุบันทีมชุดนี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ทำสัญญาความร่วมมือกับ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ให้เป็นผู้ดูแลทีมชุดนี้อยู่ โดยมีเป้าหมายเบื้องต้นคือฟุตบอลยู-19 ชิงแชมป์เอเชีย 2024 ที่จะต้องเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายให้ได้ และลุ้นไปยู-20 ชิงแชมป์โลก ในปี 2025 (ถ้าไม่ตามเป้าก็อาจจะต้องแยกย้าย)

ทีมชุดนี้ ตั้งแต่เซ็นสัญญากับสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ มีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าผู้ฝึกสอนไปแล้ว 2 ครั้ง จากมิลอส เวเลบิต และโทชิยะ มิอุระ ล่าสุดใช้บริการของ ยูกิ ริชาร์ด สตาลฟ อายุ 39 ปี ลูกครึ่งเยอรมัน-ญี่ปุ่น

นักเตะส่วนใหญ่ของทีมชุดนี้เก็บเป็นนักเตะในสังกัดของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แทบทุกคน อาทิเช่น กิตติพงศ์ บุญมาก, กฤตภาส หนูแย้ม, ชโนทัย คงเหม็ง, ภควัต แต่งอักษร รวมถึงตัวทีเด็ดอย่าง “เหนือ” ธนกฤต โชติเมืองปัก ดาวรุ่งวัย 17 ปี ที่ปัจจุบันเล่นทีมชุดใหญ่ให้กับบุรีรัมย์แล้ว

นอกจากนี้ยังมีดาวรุ่งคนอื่นๆ อย่างเช่น เอราวัณ การ์นิเย่ร์ ปีกลูกครึ่งไทยฝรั่งเศส ที่แบกอายุแล้วทำผลงานได้ดีในชิงแชมป์เอเชียครั้งนี้ รวมถึง “มิค” ยศกร บูรพา กองหน้าวัย 18 ปี ของชลบุรี เอฟซี ที่น่าจับตามองที่สุดในเวลานี้ของประเทศไทย

ซึ่งในความเป็นจริง ถ้าหากทีมชาติไทยตั้งเป้าจะไปโอลิมปิกเกมส์ในอีก 4 ปีข้างหน้า ก็ควรจะต้องหันมาทุ่มเทกับทีมชุดนี้ให้หนักมากๆ สร้างเวทีการแข่งขันให้กับทีมชุดนี้อย่างต่อเนื่อง

ไม่ต้องเอาอะไรมาก นอกเหนือจากการแข่งขันตามรุ่นอายุแล้ว ควรจะให้ทีมชุดนี้แบกอายุไปแข่งขันรายการอย่าง ซีเกมส์ 2025 ที่ประเทศไทย หรือซีเกมส์ 2027 ที่ประเทศมาเลเซีย เพื่อสั่งสมประสบการณ์ หรือใช้ในเอเชี่ยนเกมส์ 2026 ที่ประเทศญี่ปุ่น ด้วยเลยก็ได้

โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องลืมเรื่องผลการแข่งขันไปก่อนโดยเฉพาะรายการแรกๆ ที่เด็กเหล่านี้แบกอายุไปเล่น อาจจะต้องยอมรับความผิดหวังไว้บ้าง แต่ก็เพื่อให้เด็กชุดนี้ได้เติบโต รวมถึงตัวหัวหน้าผู้ฝึกสอนหรือแนวทางการเล่น ที่ไม่ควรเปลี่ยนแปลงโค้ชบ่อยๆ เพื่อให้ทีมชุดนี้ได้มีความเข้าใจทั้งการเล่นร่วมกัน หรือแท็คติกที่จะใช้อย่างถ่องแท้

แต่ไม่เอาแบบที่เตรียมตัวมาอย่างดีเกือบ 2 ปีเต็ม แต่ทัวร์นาเมนต์ที่สำคัญที่สุดกลับโดนทิ้งแบบไม่มีใครใยดีเหมือนครั้งนี้

หวังว่ามันจะเป็นประสบการณ์ให้สมาคมฟุตบอลฯ ได้เรียนรู้เช่นกัน

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ถอดบทเรียนช้างศึกหนุ่ม เพื่อเตรียมสู่โอลิมปิก2028

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่

– Website : https://www.matichon.co.th

2024-04-26T01:30:39Z dg43tfdfdgfd