120 ปีที่รอคอย : เส้นทางการคว้าแชมป์บุนเดสลีกาสมัยแรกของ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน

นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรของ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ที่สามารถคว้าแชมป์ บุนเดสลีกา มาครองได้สำเร็จ หลังจากต้องผิดหวังจากการเป็นเพียงแค่รองแชมป์มามากถึง 5 ครั้ง และนับเป็นแชมป์เมเจอร์รายการแรกของทีมห้างขายยาในรอบ 31 ปี ต่อจากการคว้าแชมป์ เดเอฟเบ โพคาล เมื่อปี 1992-1993

จากม้านอกสายตาที่ใครต่อใครต่างมองข้าม จากทีมที่ถูกยกให้เป็นเพียงแค่เต็ง 4 ที่มีโอกาสคว้าแชมป์ แต่ในวันนี้ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน กลับกลายเป็นทีมม้ามืดที่หักปากกาเซียน และขึ้นเถลิงบัลลังก์แชมป์ บุนเดสลีกา ไปครองเป็นสมัยแรกของสโมสรได้สำเร็จ และหลังจากนี้คงไม่มีใครกล้ามองข้ามพวกเขาอีกต่อไป

ผู้ปลุกยักษ์หลับ

“มันเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของสโมสร ครั้งแรกเป็นอะไรที่พิเศษสำหรับทุกคน เราสามารถพูดได้ว่าเราเป็นส่วนหนึ่งในวันสำคัญของ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน มันเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมมาก“ อลอนโซ กล่าวกับ reuters หลังพา เลเวอร์คูเซน คว้าแชมป์ บุนเดสลีกา เป็นสมัยแรกของสโมสร

ชาบี อลอนโซ เริ่มต้นบทบาทงานโค้ชกับ เรอัล มาดริด ชุดเยาวชน ก่อนจะโยกย้ายงานมาเป็นกุนซือของ เรอัล โซเซียดาด ชุดสำรอง ในเวลาต่อมา และสามารถพาทีมเลื่อนชั้นขึ้นสู่ ลาลีกา 2 ของสเปนได้สำเร็จ ก่อนจะจบเส้นทางงานโค้ชในประเทศบ้านเกิด และคว้าโอกาสครั้งสำคัญกับบทบาทงานกุนซือชุดใหญ่ครั้งแรกที่ประเทศเยอรมัน

กุนซือหนุ่มชาวสเปนเข้ามารับงานคุมทีม ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ในเดือนตุลาคม ปี 2022 ในขณะที่ทีมอยู่ในอันดับที่ 17 หลัง เคร์ราโด้ เซโอเน กุนซือคนก่อนหน้าพาทีมทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังจากการเก็บได้เพียง 5 คะแนน จาก 8 เกมแรกของฤดูกาล และเป็น อลอนโซ ที่พาทัพห้างขายยาทำผลงานได้อย่างก้าวกระโดดก่อนจะพาทีมทะยานขึ้นมาจบฤดูกาลในอันดับที่ 6 ของตาราง

และจากประสบการณ์ในการเป็นอดีตลูกทีมของเหล่าบรรดากุนซือชั้นยอดทั้ง ราฟาเอล เบนิเตซ, โชเซ มูรินโญ, คาร์โล อันเชล็อตติ, และเป๊ป กวาร์ดิโอลา เมื่อผนวกรวมเข้ากับกึ๋นด้านฟุตบอลของ อลอนโซ ทำให้สไตล์การทำทีมของเจ้าตัวเป็นฟุตบอลที่เน้นการครองบอลทำเกมรุก มีการโจมตีที่หลากหลาย ซึ่งมาในระบบการเล่น 3-4-2-1 ที่มีความสมดุลทั้งในแง่ของการเล่นเกมรุกและเกมรับ

เสริมกำลังด้วยกำลังเสริม

ต่อเนื่องมาในฤดูกาลที่สองของ ชาบี อลอนโซ และเป็นฤดูกาลแรกที่กุนซือรายนี้จะได้คุมทีม ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน แบบเต็มตัว ซึ่งรวมไปถึงการมีส่วนร่วมในการเลือกสรรผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาสู่ทีมในแบบฉบับที่ อลอนโซ ต้องการ

เม็ดเงินจำนวน 55 ล้านยูโรที่ อลอนโซ ตัดสินใจปล่อยตัว มุสซา ดิยาบี้ ไปให้กับ แอสตัน วิลลา แบบไม่มีใครคาดคิด ทำให้ เลเวอร์คูเซน มีเงินมากเพียงพอที่จะดึงตัวผู้เล่นเข้ามาทดแทนในจุดบอดส่วนอื่น ๆ ของทีม

ห้างขายยาประเดิมคว้าตัว อเล็กซ์ กรีมัลโด้ จาก เบนฟิกา มาแบบฟรีค่าตัว และต่อเนื่องมาด้วย โยนาส ฮอฟมันน์ จาก โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค, กรานิต ชาก้า จาก อาร์เซนอล, วิคเตอร์ โบนิเฟซ จาก ยูเนียน เซนต์ กิลลอยส์, มาเต็จ โควาร์ จาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, นาธาน เทลลา จาก เซาแธมป์ตัน, และยืมตัว โยซิป สตานิซิซ มาจาก บาเยิร์น มิวนิค

ซึ่งนักเตะหน้าใหม่เหล่านี้กลายมาเป็นกลุ่มผู้เล่นตัวหลักและกลุ่มผู้เล่นตัวหมุนเวียนที่เข้ามาเติมเต็มในสิ่งที่ อลอนโซ กำลังมองหา และเป็นส่วนสำคัญในการพา เลเวอร์คูเซน ประสบความสำเร็จในฤดูกาลนี้

ม้านอกสายตา

หากจะมีใครบอกในตอนต้นฤดูกาลว่า ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน จะเป็นแชมป์ บุนเดสลีกา ในฤดูกาลนี้ คงมีคนจำนวนไม่น้อยที่เชื่อว่าเป็นแค่ความฝันลม ๆ แล้ง ๆ

เลเวอร์คูเซน เริ่มต้นฤดูกาลได้อย่างน่าพอใจกับการซิวชัย 3 เกมรวด รวมไปถึงการคว้าชัยเหนือ อาร์แบ ไลป์ซิก ในเกมนัดเปิดสนาม ก่อนจะทำได้เพียงแค่เสมอกับแชมป์เก่าอย่าง บาเยิร์น มิวนิค ในเกมถัดมา จากนั้นทัพห้างขายยาสร้างปรากฏการณ์เก็บ 24 คะแนนเต็มใน 8 เกมต่อมา ขึ้นรั้งจ่าฝูงด้วยจำนวน 34 คะแนน

แต่แล้วในอีก 2 เกมถัดมา พวกเขาสามารถเก็บได้เพียง 2 คะแนนจากผลเสมอทั้ง 2 เกมกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ สตุ๊ตการ์ท ก่อนจะกลับมาคืนฟอร์มเก่งเอาชนะรวดในอีก 3 เกมถัดมา ปิดครึ่งฤดูกาลแรกด้วยตำแหน่งจ่าฝูงที่ 45 คะแนน และยังไม่แพ้ใครในทุกรายการนับตั้งแต่เปิดฤดูกาล

จนถึงตอนนี้ภาพของกลุ่มทีมลุ้นแชมป์เป็นอะไรที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อคู่แข่งที่ตามหลังพวกเขามา มีความห่างของคะแนนเพียงแค่ 1 แต้ม และไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นแชมป์เก่าอย่าง บาเยิร์น มิวนิค

แชมป์เก่าตัวฉกาจ

เป็นเวลายาวนานถึง 11 ปีติดต่อกันที่ตำแหน่งแชมป์ บุนเดสลีกา ตกเป็นของ บาเยิร์น มิวนิค แบบไม่มีใครคั่นตรงกลาง และแม้ว่าทีมเสือใต้จะทำการปรับเปลี่ยนตัวกุนซือเป็นใครก็ตาม ผู้คนก็ยังคงเชื่อว่าเมื่อถึงวันสุดท้ายของฤดูกาล บาเยิร์น มิวนิค ก็คงจะขึ้นครองบัลลังก์ได้แบบไม่ยากเย็น

เช่นเดียวกับในฤดูกาลนี้ แม้ว่าจะเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีที่ บาเยิร์น มิวนิค พลาดตำแหน่งจ่าฝูงเมื่อจบครึ่งฤดูกาลแรก แต่ผู้คนก็ยังคงเชื่อว่าทีมเสือใต้จะสามารถทำคะแนนแซงกลับมาคว้าแชมป์ได้เหมือนที่ผ่าน ๆ มา

ทีมเสือใต้จบครึ่งฤดูกาลแรกในตำแหน่งรองจ่าฝูงด้วยตัวเลข 44 คะแนน นำหน้า สตุ๊ตการ์ท ทีมอันดับ 3 ห่างถึง 10 คะแนน ทำให้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าตำแหน่งแชมป์ในฤดูกาลนี้จะเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่าง ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน และ บาเยิร์น มิวนิค

อภิมหาศึกตัดสิน

ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน เปิดครึ่งฤดูกาลหลังด้วยการชนะ 2 เสมอ 1 ส่วนทางด้าน บาเยิร์น มิวนิค ชนะ 2 และพลาดท่าแพ้ไป 1 เกม ทำให้ในขณะนี้ห้างขายยาทำคะแนนนำหน้าเสือใต้อยู่ 2 คะแนน

เข้าสู่เกมในสัปดาห์ที่ 21 เป็นการวนกลับมาเจอกันอีกครั้งของ เลเวอร์คูเซน และ บาเยิร์น มิวนิค เกมการแข่งขันในนัดนี้เป็นเหมือนการพิสูจน์ทีมห้างขายยาว่าดีพอหรือไม่กับการเป็นแชมป์ บุนเดสลีกา แทนที่ของยักษ์ใหญ่แห่งบาวาเรีย

เพราะถ้าหากทีมเสือใต้สามารถบุกมาเอาชนะพวกเขาได้ถึงถิ่น ไบอารีนา จะทำให้แชมป์เก่าทำคะแนนแซงหน้าพวกเขา แต่ถ้าหากพวกเขาสามารถเอาชนะได้ จะยิ่งทำให้พวกเขาเข้าใกล้การคว้าแชมป์เข้าไปทุกที เมื่อจะมีคะแนนนำหน้า บาเยิร์น มิวนิค ถึง 5 คะแนน

เลเวอร์คูเซน ทำได้ดีกว่าในช่วงต้นเกมและสามารถทำประตูออกนำได้จาก โยซิป สตานิซิซ ในนาทีที่ 18 ก่อนจะมาบวกเพิ่มอีก 2 ประตูในช่วงครึ่งหลัง จาก อเล็กซ์ กรีมัลโด้ ในนาทีที่ 50 และ เยเรมี ฟริมปง ในนาทีที่ 90+5 และจบเกมไปด้วยสกอร์ 3-0 แม้ว่าตลอดทั้งเกมเสือใต้จะสามารถครองบอลได้เหนือกว่าก็ตาม

ทำให้ในช่วงเวลาดังกล่าว ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ยังครองตำแหน่งจ่าฝูงไว้ได้อย่างเหนียวแน่นที่ 55 คะแนน ตามมาด้วย บาเยิร์น มิวนิค ที่ตามมาห่าง ๆ ที่ 50 คะแนน

จารึกวันแห่งความสำเร็จ

การเฝ้ารอของ บาเยิร์น มิวนิค ให้ทีมที่อยู่เหนือพวกเขาทำพลาด แม้จะแค่เพียง 2 เกม ก็เพียงพอให้พวกเขาฉวยโอกาสทำคะแนนแซงหน้าขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูง แต่ไม่ใช่กับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน

7 เกมต่อมาหลังการเปิดรัง ไบอารีนา เอาชนะทีมเสือใต้ไปได้แบบขาดลอย ทีมห้างขายยาไม่ทำพลาดเลยแม้แต่เกมเดียวพร้อมเก็บ 21 แต้มเต็มไปได้แบบเหนือความคาดหมาย มีคะแนนรวมอยู่ที่ 76 แต้ม ทว่าดันเป็น บาเยิร์น มิวนิค ที่พลิกล็อคแพ้ทีมค่อนล่างของตารางไปถึง 2 เกม และเก็บได้เพียงแค่ 10 แต้มเท่านั้น และมีคะแนนรวมอยู่ที่ 60 แต้ม ทำให้ในขณะนี้ เลเวอร์คูเซน ขออีกเพียง 3 คะแนนจาก 6 เกม ก็จะการันตีการเป็นแชมป์ บุนเดสลีกา ในฤดูกาลนี้

เข้าสู่เกมในสัปดาห์ที่ 29 เลเวอร์คูเซน เตรียมฉลองแชมป์ต่อหน้าแฟนบอลร่วมสามหมื่นคนเมื่อว่าที่แชมป์บุนเดสลีกามีคิวเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ แวร์เดอร์ เบรเมน และพวกเขาก็ไม่ทำให้แฟนบอลต้องผิดหวังเมื่อบุกหนักตั้งแต่เริ่มเกมก่อนจะจบเกมด้วยการทำประตูอย่างถล่มทลาย 5-0 ของทีมห้างขายยา

สิ้นสุดเสียงนกหวีดจากผู้ตัดสิน แฟนบอลเจ้าถิ่นวิ่งกรูกันลงสนามด้วยความดีใจอย่างบ้าคลั่ง พร้อมร่วมกันร้องเพลง We Are The Champion หลังสโมสรอันเป็นที่รักของพวกเขาสามารถคว้าแชมป์บุนเดสลีกาได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรหลังจากต้องเฝ้ารอมายาวนานถึง 120 ปี และในวันนี้พวกเขาทำได้สำเร็จ

แชมป์ (กำลังจะ) ไร้พ่าย

แต่ดูเหมือนว่าฤดูกาลจะยังไม่จบเพียงเท่านี้ อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ประสบความสำเร็จในฤดูกาลนี้ เป็นเพราะจิตวิญญาณแห่งการไม่ยอมแพ้ของผู้เล่นภายในทีม

ทัพห้างขายยาขึ้นชื่อลือชาเรื่องการโกงความตายเป็นอย่างมากในฤดูกาลนี้ พวกเขาสามารถทำประตูในช่วง 15 นาทีสุดท้ายของเกมได้ 17 จาก 77 ประตูที่ทำได้ในขณะนี้ หากมองดูแล้วอาจเป็นตัวเลขที่ไม่สูงสักเท่าไหร่ แต่จำนวนประตูดังกล่าวสามารถทำให้พวกเขาพลิกสถานการณ์จากการแพ้กลายเป็นเสมอ และจากการเสมอกลายเป็นชนะ ได้มากถึง 13 คะแนน ซึ่งหากไม่มีประตูเหล่านี้เกิดขึ้น ในตอนนี้พวกเขาอยู่เพียงแค่ตำแหน่งรองจ่าฝูง

จนถึงตอนนี้เป็นเวลากว่า 2,790 นาทีหรือ 31 เกมในศึกบุนเดสลีกาที่ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ยังไม่แพ้ให้กับทีมใดเลยแม้แต่เกมเดียว และกับจำนวนเกมอีก 3 นัดที่เหลือของฤดูกาลที่พวกเขาจะต้องลงเล่นทิ้งทวนพบกับ ไอน์ทรัคต์ แฟรงค์เฟิร์ต, โบคุม, และเอาก์สบวร์ก ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าในฤดูกาลนี้เราอาจได้เห็นสโมสรแรกในศึก บุนเดสลีกา ที่สามารถจารึกประวัติศาสตร์การเป็นแชมป์ไร้พ่ายได้สำเร็จ

2024-05-04T04:23:02Z dg43tfdfdgfd